ในตลาดกาแฟที่แออัดและวิวัฒนาการอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สตาร์บัคส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาโดยที่รู้ตัวว่าแม้เป็นผู้นำ แต่ยังไม่สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างที่ใจคิด และจำจะต้องปรับเปลี่ยนแผนการอย่างเร่งด่วนเพื่อสกัดคู่แข่งทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า โฮเวิร์ด ชูลซ์ ประธานกรรมการ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) สตาร์บัคส์ เปิดใจกับซีเอ็นเอ็น มันนี่เมื่อเร็วๆ นี้ว่าแม้ประสบความสำเร็จมายาวนาน แต่บริษัทกลับมีส่วนแบ่งในตลาดอเมริกาเหนือไม่ถึง 10% และต่ำกว่า 1% ในตลาดโลก เมื่อไม่นานนี้อีกเช่นกัน แอดเวอร์ไทซิ่ง เอดจ์รายงานว่า แม้สตาร์บัคส์ได้ชื่อว่าเป็นเชนร้านกาแฟใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสาขากว่า 13,000 แห่งในกว่า 50 ประเทศ แต่ลูกค้าขาประจำกลับซื้อกาแฟสตาร์บัคส์เพียง 3 แก้วจากทุก 10 แก้วที่ดื่ม ขณะเดียวกัน โฟลเกอร์ส บริษัทในเครือเจ.เอ็ม. สมักเกอร์ ยังคงเป็นผู้ผลิตกาแฟปลีกสำเร็จรูปรายใหญ่สุดในสหรัฐฯ มีแบรนด์อาทิ โฟลเกอร์ส, มิลสโตน และยังผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟให้แก่ดังกิ้น โดนัท คู่แข่งของสตาร์บัคส์ยังรวมถึงแม็กซ์เวลล์ เฮาส์จากค่ายคราฟต์ ฟูดส์ที่รายงานว่าไตรมาสแรกมีกำไรเพิ่มขึ้นสูงลิ่ว จากโฆษณาใหม่และนวัตกรรมของแบรนด์ในเครือ เช่น แม็กซ์เวลล์ เฮาส์ คู่แข่งเหล่านี้ทำให้สตาร์บัคส์ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ ส่วนหนึ่งโดยการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า รายงานของเอซี นีลเซนเมื่อเร็วๆ นี้ระบุว่าครัวเรือนอเมริกันกว่า 11% ซื้อกาแฟแต่งกลิ่นไปชงกินเองที่บ้าน โดยเป็นตลาดที่มีมูลค่า 265 ล้านดอลลาร์ สตาร์บัคส์ดีเดย์เข้าสู่ตลาดส่วนนี้ในเดือนนี้ ด้วยการวางจำหน่ายสตาร์บัคส์ แนเชอรัล ฟิวชันส์รสวานิลลา คาราเมลและชินนามอนตามซูเปอร์มาร์เก็ต เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่แห่งนี้ยังคิดชิงส่วนแบ่งตลาดในอเมริกาเพิ่มผ่านเวีย เรดดี้ บริว และซีแอตเติลส์ เบสต์ คอฟฟี่เพื่อเพิ่มจำนวนช่องทางการขาย ซีแอตเติลส์ เบสต์ คอฟฟี่ที่สตาร์บัคส์ซื้อกิจการมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว จะพุ่งเป้าหมายไปที่คู่แข่งที่ขายกาแฟราคาถูกและเน้นบริการเร็วทันใจอย่างแมคโดนัลด์และดังกิ้น โดนัท นอกจากนั้นสตาร์บัคส์ยังมีแผนปรับภาพลักษณ์แบรนด์ด้วยการนำกาแฟซีแอตเติลส์ เบสต์ คอฟฟี่ไปขายในเบอร์เกอร์ คิงและซับเวย์ทั่วอเมริกา ทั้งนี้ ยอดขายกาแฟของแมคโนนัลด์เพิ่มขึ้นทุกปีนับจากเริ่มเปิดตัวแมคคาเฟ่ในปี 2006 เดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการรายงานว่ายอดขายเปรียบเทียบในอเมริกาเพิ่มขึ้น 3.8% โดยตัวชูโรงหลักคือกาแฟของแมคคาเฟ่ เช่น แฟรปเป้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ ชุลซ์ นายใหญ่สตาร์บัคส์ยังเชื่อมั่นว่าการขยายตลาดอาจทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งทั้งหมด และมองแง่ดีว่าความตื่นตัวที่ถูกกระตุ้นจากโฆษณาของแมคโดนัลด์ที่ใช้งบหลายสิบล้านดอลลาร์ นำไปสู่การทดลองและทำให้ลูกค้าเห็นถึความแตกต่างของแบรนด์กาแฟชัดเจนยิ่งขึ้น |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น